วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา ยาสีฟันเดนทิสเต้กับความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม และคำถามกรณีศึกษา

กรณีศึกษา ยาสีฟันเดนทิสเต้กับความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
            ยาสีฟันเดนทิสเต้ เป็นยาสีฟันยี่ห้อแรกที่ได้เข้ามาเซกเมนต์ Night Time หรือการใช้ยาสีฟันในช่วงเวลาก่อนนอน โดยมีจุดมุ่งขายในเรื่องการลดแบคทีเรียในช่องปากระหว่างการนอนหลับ
            หากว่ากันแล้ว เดนทิสเต้ได้พยายามผลักตัวเองเพื่อหลีกหนีสมรภูมิการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดยาสีฟันระดับกลุ่มใหญ่ ที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่ราย ที่ได้ใช้งบทางการตลาด ในการประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์อย่างไม่อั้นด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
            ปกติแล้วการทำตลาดยาสีฟัน ต่างก็มีจุดขายเดิมๆที่เหมือนกัน และมักตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพในช่องปากเป็นหลัก รวมถึงการระงับกลิ่นปาก แต่สิ่งที่เดนทิสเต้นำมาสร้างเป็นจุดขายถือว่าเป็นเรื่องใหม่เพราะที่ผ่านมาไม่มีแบรนด์ใด ที่ใช้จุดขายในเรื่องการระงับกลิ่นปากจากการช่วยลดแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานอนหลับ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า เดนทิสเต้ได้หยิบเอากลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มด้วยการ สร้างตลาดเฉพาะกลุ่ม(Niche)ขึ้นมาซ้อนอยู่ในตลาดกลุ่มใหญ่(Mass) พร้อมกับมุ่งเป้าหมายไปยังคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกัน ที่มองถึงปัญหากลิ่นปากจากแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจัดเป็นปัญหาที่ยังไม่มีใครเข้ามาตอบสนองความต้องการในเรื่องดังกล่าวได้
             สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากยาสีฟันเดนทิสเต้ได้เข้ามาทำตลาดก็คือ ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาสีฟันของคนไทย ที่เปลี่ยนจากการใช้ยาสีฟันหลอดเดียวที่ใช้กันทั้งครอบครัว มาสู่การใช้ยาสีฟันหลอดที่ 2 ที่คนในครอบครัวได้แยกออกมาใช้ต่างหากจากหลอดเดิม จึงทำให้เดนทิสเต้ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นยาสีฟันที่ได้รับความสำเร็จอย่างรวดเร็วเกินคาด โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เดนทิสเต้ได้รัยการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งก็มาจาก การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning)ที่ตรงจุด ด้วยการนำปัญหาที่ผู้บริโภคมีความกังวลมากที่สุดมาเป็นจุดขาย (กลิ่นปากที่เกิดขึ้นในช่วงตื่นนอนตอนเช้า)
            ผลจากการสร้างจุดขายที่มีลักษณะเด่นและแตกต่างนี้เอง ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความต้องการของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญ จึงทำให้เดนทิสเต้สามารถนำพาแบรนด์ตัวเอง ด้วยการหลีกเลี่ยงเผชิญหน้าในสมรภูมิการแข่งขันจากเจ้าตลาดที่ได้ทุ่มเทงบโฆษณาอย่างมหาศาล และเก็บเกี่ยวยอดขายเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับแบรนด์ของตน เพื่อพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นต่อไปในอนาคต

คำถามจากกรณีศึกษา
1. ทำไมยาสีฟันเดนทิสเต้ จึงหนีการเผชิญหน้าเพื่อแข่งขันโดยตรงกับยาสีฟันยักษ์ใหญ่
  ตอบ   - เพราะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ มีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ทีมีงบไม่อั้น จึงทำให้เดนทิสเต้ไม่อยากที่จะแข่งขันด้วย
2. เดนทิสเต้ได้นำกลยุทธ์อะไรเป็นตับขับเคลื่อน และทำไมจึงใช้กลยุทธ์ดังกล่าว
 ตอบ     - กลยุทธ์ที่ใช้ คือ กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม พร้อมมุ่งเป้าไปที่คู่เพิ่งแต่งงานกัน เหตุที่ใช้เพราะว่า เดนทิสเต้ต้องการสร้างความแตกต่างจากยาสีฟันยี่ห้ออื่น รวมทั้งใช้เป็นจุดขายของเดนทิสเต้อีกด้วย
3. ปัจจัยสำคัญอะไร ที่ยาสีฟันเดนทิสเต้ สามารถเข้ามามีส่วนแบ่งตลาดได้ในระยะเวลาอันสั้น
 ตอบ      - มีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน เพราะโดยส่วนใหญ่ยาสีฟันทั่วไป จะดูแลสุขภาพในช่องปากเป็นหลัก และช่วยระงับกลิ่นปาก แต่เดนทิสเต้ มีจุดขายในเรื่องการระงับกลิ่นปากจากการช่วลลดแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วง เวลาหลับนอน อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ที่ผู้บริโภคต้องการได้ คือ การมีลักษณะเด่นและความแตกต่าง
4. สมมติว่าท่านได้รับภาระหน้าที่ในการเจาะตลาดยาสีฟันยี่ห้อหนึ่ง ท่านจะใช้กลยุทธ์ใด และจะกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ด้วยการใช้ลักษณะเด่นอะไรที่คิดว่ายังพอมี ศักยภาพในการทำกำไร รวมทั้งสร้างความพึงพอใจกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
  ตอบ    - กลยุทธ์การให้ข่าวสาร( Public Relation Strategy) เช่น การร่วมมือกับสื่อบางสื่อ เพื่อจัดเทศกาลในโอกาสพิเศษ
      - กลยุทธ์ การใช้พนักงานขาย (Personal  Strategy) เช่น คิดค้นโปรแกรมการให้ผลตอบแทนการขาย ( Incentive Program ) ใหม่ๆ เพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานขายที่ทำยอดขายตามเป้า
     - มีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ โดยใช้เกณฑ์คุณภาพสูง ราคาสูง เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่า ยี่ห้อยาสีฟันชนิดนี้มีคุณประโยชน์และคุณค่าในสายตาผู้บริโภค

ส่งโดย  ชื่อ นายจตุพล กลิ่นศรีสุข บกจ. 3/1

กรณีศึกษา : บริษัท Nokia ขยายตลาดด้วยการทำคอมพิวเตอร์แล็ปทอป และคำถามกรณีศึกษา

Nokia  connecting  people 
กรณีศึกษา : บริษัท Nokia ขยายตลาดด้วยการทำคอมพิวเตอร์แล็ปทอป
                บริษัท
Nokia ถือเป็นเจ้าตลาดโทรศัพท์มือถือ (Moble Phone) มายาวนา และล่าสุดข่าวลือของโนเกียที่สะพัดออกมาก็คือ การเข้าสู่ธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์แบบแล็ปทอปหรือโน้ตบุ๊คโดย Kallasvuo ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของโนเกียได้มองว่า โทรศัพท์มือถือได้เปิดโอกาสให้ผู้คนเริ่มเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการต่อยอดไปยังธุรกิจคอมพิวเตอร์ ภายใต้แบรนด์ของตนเอง
                ข่าวดังกล่าว ได้เผยแพร่ออกมาภายหลังจากบริษัท  Acer  ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับ 3 ได้มีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามมาในอุตสาหกรรมที่โนเกียเป็นเจ้าตลาดอยู่นั่นเอง ดังนั้นการที่โนเกียจะขยายตลาดด้วยการกระโดดจากธุรกิจหนึ่งไปสู่อีกธุรกิจหนึ่งนั้น  จึงมิใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายกิจการในยามที่ธุรกิจดั้งเดิมของตนเริ่มอิ่มตัว  ในเมื่อขยายไม่ออก ก็จำเป้นต้องกระโจนเข้าสู่ธุรกิจใหม่  ที่มีช่องว่างเพียงพอต่อการทำตลาดได้ ทำนองเดียวกันกับบริษัท Apple ที่กระโดดจากธุรกิจคอมพิวเตอร์เข้าสู่ธุรกิจเครื่องเล่น  MP3 และก้าวเข้าสู่โทรศัพท์  iPhone ที่โด่งดังไปทั่วโลก และต่อไปนี้เป็นบริษัทชั้นนำที่อยู่ในตลาด วึ่งเป็นผู้ผลิตทั้งคอมพิวเตอร์รวมถึงโทรศัพท์มือถือ
  • Apple ที่ทำตลาดคอมพิวเตอร์ในนามของ Macintosh รวมถึงโทรศัพท์มือถืออย่าง iPhone
ซึ่งสินค้าของ Apple มีความโดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมและการออกแบบสวยงามเหนือชั้นกว่าคู่แข่งขัน  อีกทั้งยังไปที่ชื่นชอบของลูกค้าเป็นอยากมาก
  • HP เจ้าตลาดอันดับ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งแบพีซีและโน้ตบุ๊ค
  • DEll เจ้าตลาดอันดับ 2 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งแบบพีซีและโน้ตบุ๊ค รวมถึงการับประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตามสเปกที่ลูกค้าต้องการ และกำลังคิดจะรุกเข้าตลาดโทรศัพท์มือถืออยู่เช่นกัน
  • Acer เป็นเจ้าตลาดอันดับ 3 ของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์กำลังกระโดดข้ามมาทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ
  • Sony ผู้ผลิตโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ในชื่อ Vaio รวมถึงโทรศัพท์ในชื่อของ Sony Ericsson        
ความสำคัญอยู่ที่หาก Nokia ตัดสินใจขยายไปสู่ธุรกิจที่เต็มไปด้วยสมรภูมิการแข่งขัน จากผู้ค้ารายเดิมที่มีความแข็งแกร่งตามรายะเอียดข่างต้น ดังนั้น  Nokia จะสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่  จนสามารถมีที่ยืนอย่าง Phone ของบริษัท Apple ที่เดิมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และกระโดดข้ามเข้ามาทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือจนสำเร็จ
คำถามจากกรณีศึกษา
1. ท่านคิดว่า บริษัท Nokia ตัดสินใจกระโดดข้ามมาทำธุรกิจคอมพิวเตอร์แล็ปทอป เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร จงให้เหตุผลประกอบ
ตอบ
  • จาก ความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจาก ความน่าเชื่อถือของโนเกียในด้านของแล็ปทอปยังมีน้อยในด้านนี้ อีกทั้งบริษัทคู่แข่งขันนั้นมีความเชี่ยวชาญมากกว่าในสายตาของผู้บริโภค เป็นผลให้การทำการตลาดเพื่อแบ่งส่วนตลาดเป็นไปได้ยาก
2. "โนเกียควรปกป้องตลาดมือถือของตนเองต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องลงมาทำตลาดคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลา ซึ่งยังมีช่องว่างอยู่มากมายอย่างตลาดของ Smart-Phone ที่โนเกียสามารถรุกเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง" อยากทราบว่า Smart-Phone คืออะไร และท่านเห็นดัวยกับกลยุทธ์ตามดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ อย่างไร
ตอบ
  • Smart Phone หมายถึงโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมของ PDA เข้าไป ทำให้สามารถมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รับส่งอีเมล์ มีปฏิทิน จัดทำตารางนัดหมาย และ contact เป็นต้น เรียกได้ว่า Smart Phone เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมเลยทีเดียว 
  • จากข้อความผมเห็นดัวย เนื่องจากถ้าพิจารณาจากตลาดมือถือยังถือว่ากว้างมาก นอกจากนั้นโนเกียยังเป็นยี่ห้อมือถือที่ลกค้าให้ความเชื่อมั้น ควรตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากจะเป็นการดีที่สุด
3. บริษัท Apple ซึ่งเดิมเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในนามของ Macintosh ที่ได้ขยายธุรกิจข้ามมายังอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในนามของ iPhone และยังสามารถยืนหหยัดทำสำเร็จจนเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ท่านคิดว่าบริษัท Apple ได้ชูกลยุทธ์ใดในการเข้าถึงกลุมลูกค้า
ตอบ
  • Apple ได้ชูกลยุทธ์ด้านการออกแบบสินค้า โดยออกแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ที่ชอบเทคโนโลยี ทั้งนี้ตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดระดับบนที่มีรายได้สูง

ส่งโดย  ชื่อ นายจตุพล กลิ่นศรีสุข บกจ. 3/1

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คลื่นลูกที่4

คลื่นลูกที่4

     เมื่อวานมีม็อบชาวนาปิดถนนที่อยุธยาจุดเริ่มสายเอเชียก่อนที่จะเข้าตัวเมืองอยุธยา ผมเองก็เป็นคนนึงที่ได้รับผลกระทบนี้เหมือนกัน เพราะต้องเดินทางจากอยุธยาเข้ากรุงเทพ เลยต้องเลี่ยงสายเอเชียออกทางถนนสายโรจนะ-วังน้อย ก็เสียเวลาเยอะเหมือนกัน แถมได้ยินคนขับรถเมล์บ่นๆด้วยว่าเปลี่ยนเส้นทางอย่างงี้ต้องทำรายงาน และยังต้องเติมน้ำมันเองแล้วไปเบิกเงินคืนทีหลังอีก เฮ้อ!! แต่ก็เข้าใจล่ะนะว่าคนเราเมื่อเดือดร้อนก็ต้องการที่พึ่ง ม็อบชาวนาก็เป็นเหตุการณ์นึงที่มีให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆ น่าเห็นใจนะครับ ถ้ามาลองคิดๆดูน้ำก็เพิ่งจะท่วมเกือบทั่วประเทศ ผลผลิตก็แทบจะไม่ได้เก็บเกี่ยวกันเลย พอผ่านน้ำท่วมทำนาได้แล้วข้าวก็มาราคาต่ำซะอีก แล้วพี่น้องเกษตรกรจะอยู่ยังไง ผมเองก็เคยอ่านบทวิเคราะห์เรื่องราคาข้าวอยู่เหมือนกัน ก็คิดว่าราคาข้าวสารในบ้านเราน่าจะถูกกว่านี้ และในทางกลับกันราคาข้าวส่งออกน่าจะแพงกว่านี้้เพราะประเทศไทยเราเองก็ผลิตข้าวส่งออกได้เป็นอันดับต้นๆอยู่แล้ว
     เอ...พูดมาตั้งนานม็อบชาวนามันเกี่ยวอะไรกับเอมสตาร์เนี่ย เกี่ยวครับ พอดีที่เดินทางมาก็เพื่อเข้ารอบเซ็นเตอร์ ICDS Happyland ซึ่งเป็นวันนัดเทรนนิ่งของกลุ่มเราเป็นประจำทุกวันอังคารอยู่แล้ว ซึ่งผมเองก็ได้รับมอบหมายให้เทรนนิ่งในหัวข้อ "การการติดตามช่วยเหลือดาวน์ไลน์" หัวข้อเทรนนิ่งของผมก็ไม่ต้องพูดถึง ก็พอเอาตัวรอดได้(อิอิ) แต่ที่มาสัมพันธ์กับเรื่องม็อบชาวนานี่ก็เพราะว่า พี่ตังส์ ชัยณรงค์ สีมาพลกุล อัพไลน์ สอนหัวข้อแนวคิด "คลื่นลูกที่4" พอดี เนื่อหาดีมากๆ ซึ่งก็มีเรื่องชาวนามาเกี่ยวด้วยนั่นเอง
ผมก็จะเล่าในสิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาให้ได้มากที่สุดละครับ ก่อนจะมาถึงยุคคลื่นลูกที่4 ก็ต้องมียุคคลื่นลูกที่1 ยุคคลื่นลูกที่2 ยุคคลื่นลูกที่3 ถึงจะมาเป็นยุคคลื่นลูกที่4 ใช่ไหมครับ งั้นเรามาดูวิวัฒนาการโลกในแต่ละยุคสมัย
กันไปทีละยุคเลยดีกว่า
คลื่นลูกที่ 1 : ยุคเกษตรกรรม  : Agricultural :อยู่ดีมีสุขเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
คลื่นลูกที่ 2 : ยุคอุตสาหกรรม  : Industrial   :แก่งแย่งชิงดี อิจฉา เอาตัวรอด
คลื่นลูกที่ 3 : ยุคข้อมูลข่าวสาร : Information Technology :ยึดติดถือดี ถ้าใช้ในทางที่ดีสร้างสรรค์ (วิวัฒน์) ถ้าใช้ในทางที่ไม่ดีทำลาย (วิบัติ)
คลื่นลูกที่ 4: ยุคเครือข่ายมวลชน : Human Network :ใครสามารถสร้างพลังมวลชนได้มากคนนั้นชนะ

คลื่นลูกที่ 1.ยุคเกษตรกรรม คลื่นลูกที่4-ยุคเกษตรกรรม1
อาชีพที่ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรับราชการ ดังที่เคยมีคำกล่าวว่า "สิบพ่อค้าไม่เท่าหนึ่งพยาเลี้ยง"
คลื่นลูกที่ 2.ยุคอุตสาหกรรม คลื่นลูกที่4-2ยุคอุตสาหกรรม
- เริ่มจากการที่มนุษย์สามารถประดิษฐ์เครื่องจักร   เครื่องกลต่างๆขึ้นมาได้
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆก็ถูกผลิตตามมา
- ยุคนี้มีโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
การเปลี่ยนแปลงทำให้อาชีพเก่าได้รับผลกระทบ
อาชีพเกษตรกร    คนก็เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นมากขึ้น
อาชีพช่าง    ดีขึ้น
อาชีพแพทย์    ดีขึ้น
อาชีพราชการ    ถูกลดความสำคัญลง
เศรษฐีที่เกิดขึ้นในยุคอุตสาหกรรม
คุณ ธนินทร์ เจียรวนนท์  เจ้าพ่อ CP ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมจนร่ำรวย
คุณ เจริญ  สิริวัฒนภักดี  เจ้าพ่อเบียร์ช้าง ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมจนร่ำรวยเหมือนกัน
ข้อสังเกตุ      คนที่ประสบความสำเร็จ  คือคนที่รู้จักเลือกอาชีพได้สอดคล้องกับยุคสมัยนั้นๆ
คลื่นลูกที่ 3. ยุคสารสนเทศหรือข้อมูลข่าวสาร คลื่นลูกที่4-3.ยุคสารสนเทศ
- ยุคข้อมูลข่าวสารไร้พรมแดน
- ผู้คนทั่วโลกสามารถรับรู้เหตุการณ์ต่างๆได้พร้อมกัน
- เศรษฐกิจกระทบถึงกันหมดทั่วโลก
- อุปกรณ์สื่อสารเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
- ยุคนี้คอมพิวเตอร์มีผลต่อการทำงานอย่างมาก
- งานไหนที่คอมพิวเตอร์ทำแทนคนได้ งานนั้นคนต้อง .....
- งานที่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำแทนคนได้ คือ งานฝีมือ , งานที่ต้องใช้ EQ  ทำธุรกิจเอมสตาร์ ใช่ไหม ใช่แน่ๆเพราะเป็นงานที่ต้องใช้ EQ สูงมาก (แสดงว่างานนี้สอดคล้องกับยุคที่ 3)
เศรษฐีที่เกิดขึ้นในยุคนี้
บิลล์ เกตส์ เป็นมหาเศรษฐีจากการทำธุรกิจซอร์ฟแวร์
เศรษฐีของเมืองไทยที่เกิดขึ้นในยุคนี้ ก็มาจากการทำธุรกิจสื่อสาร (คงไม่ต้องบอกว่าใคร)
คลื่นลูกที่ 4. ยุคเครือข่าย 4.Network
- การแข่งขันเชิงธุรกิจจะรุนแรงจนแข่งกันเจ๊ง
- ธุรกิจขนาดเล็กที่มีอำนาจต่อรองน้อย จะถูกบีบจากธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมมากกว่า วิธีปรับตัวเพื่อความอยู่รอดคือ สร้างพันธมิตร (รวมตัวกันเป็น เครือข่าย )
- เจ้าของกิจการที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันก็ต้องรวมกลุ่มเป็นเครือข่าย
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  สภาวะน้ำมันแพง  จะทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องลดจำนวนพนักงานลงเรื่อยๆ
- คนที่อยู่ได้จะต้องเก่งจริงและต้องทำงานหนัก
คลื่นลูกที่4-work-hard
- ในอนาคตรูปแบบการจ้างงานมีแนวโน้ม  ที่จะจ้างเป็นพนักงานชั่วคราว , ฟรีแลนซ์
- คนที่ทำงานกินเงินเดือนจะยิ่งรู้สึกถึง  ความไม่มั่นคงของชีวิต (เพราะต้องทำงานหนักเกินค่าตอบแทน , ค่าครองชีพสูงจนเงินเดือนไม่
  พอใช้ )
- คนที่ทำงานกินเงินเดือนจะถูกบีบให้ออกมาทำกิจการส่วนตัวโดยปริยาย  แต่กิจการส่วนตัวที่จะอยู่รอดได้ต้องใหญ่และต้องครบวงจร( ซึ่งคนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ )
ดังนั้นงานที่จะสอดคล้องกับสภาพของยุคที่ 4 ก็คืองานประเภท
1. คนที่ มีความพร้อม เป็นผู้  ลงทุน (คนรวยอยู่แล้ว)
2. คนที่ ไม่อยากลงทุน เป็นผู้ ลงแรง ก็คือธุรกิจเครือข่าย (MLM)นั่นเอง
    ดังบทความจาก Wall Street Journal นิตยสารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอเมริกา ได้ทำนายไว้ว่า"ในอนาคต   75 % ของสินค้าและบริการทั้งหมดของโลกจะถูกขายผ่านกลไกของระบบ Network Marketing( การตลาดแบบเครือข่าย )"
  J. Paul Getty ได้เขียนไว้ในหนังสือ How To Get Rich  ว่า... “กฎข้อแรกของความสำเร็จคือ
   คุณต้องทำธุรกิจเพื่อตัวเอง เพราะคุณจะไม่มีทางร่ำรวย จากการทำงานให้กับคนอื่น”

เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าเรายังไม่ได้สร้างเครือข่ายอะไรไว้เลยรีบๆนะครับเดี๋ยวจะตกยุค และถ้าวันนี้เราเองทำธุรกิจเครือข่ายอยู่มั่นใจเลยครับว่าเรามาถูกทางแล้ว รีบๆทำให้สำเร็จครับ จะได้เป็นเศรษฐีกันถ้วนหน้า
คลื่นลูกที่4-Right-way-end
      บทสรุปก็คือการจะทำอาชีพอะไรให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เน้นนะครับว่าชีวิต เราคงจะต้องดูจากตัวอย่างมหาเศรษฐีหลายๆท่านที่ทำอาชีพตามยุคสมัย หลายคนบอกว่าตัวเองอินเทรนด์ ก็อย่าให้ตกยุคนะครับ ทุกวันนี้เราเข้าสู่ยุคคลื่นลูกที่4 Wave4 ยุคแห่งเครือข่ายกันแล้ว
   แล้วมันเกี่ยวอะไรกับม็อบชาวนาเนี่ย เอาเป็นว่าเกี่ยวแล้วกันนะครับ อิอิ ไว้เจอกันใหม่
 
อ้างอิงมาจาก : http://a2cds.blogspot.com/2011/02/4.html#links
ชื่อ นายจตุพล กลิ่นศรีสุข บกจ. 3/1

กรณีศึกษาจริง 4-2

กรณีศึกษาจริง 4
Vtel Corporation : การบูรณการโปรแกรมประยุกต์ธุรกิจกับคลังข้อมูล
Vtel Corporation ตั้งอยู่ที่เมือง Austin รัฐ Texas ทำระบบประชุมสื่อประสมดิจิตอลสำหรับอินทราเน็ตของธุรกิจ เอ็กซ์ทราเน็ตและอินเทอร์เน็ต บริษัทวางแผนเปลี่ยนระบบธุรกิจที่ใช้ในปัจจุบันเป็นโปรแกรมประยุกต์ Oracle ระบบซอฟต์แวร์ธุรกิจแบบบูรณาการและคลังข้อมูลจาก Oracle โดยเริ่มจากการรวม Vtel และ Compression Labs Inc. ในเมือง San Jose รัฐ California และข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัททั้งสองโตเกินกว่าที่จะใช้ระบบเชิงปฏิบัติการเดิมของเขา
ในปี 1989 เราทำยอดขายได้ 2 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ปัจจุบันเราทำยอดขายถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ” Rodney Bond เจ้าหน้าที่หัวหน้าการเงินอธิบาย เรากำลังเฝ้าดูการเติบโตของการขยายใหญ่ซึ่งระบบนี้อาจจะวิกฤตได้
เมื่อบริษัทตัดสินใจที่จะใช้โปรแกรมประยุกต์ Oracle บริษัทเลิกแผนการเลื่อนชั้นคลังข้อมูลปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วยฐานข้อมูล Oracle กินเนื้อที่ 10G bytes ตั้งอยู่บนเครื่องแม่ข่าย SPARC 20 ของ Sun Microsystems โดยบริษัทจะใช้คลังข้อมูลที่มากับโปรแกรมประยุกต์บูรณาการใหม่นี้แทน
ความตั้งใจของเราคือการนำบทเรียนจากคลังข้อมูลปัจจุบันเพื่อเคลื่อนไปข้างหน้า” Steve Cox รองประธานและเจ้าหน้าที่หัวหน้าสารสนเทศของบริษัทกล่าว บทเรียนสำคัญที่ Cox กล่าวถึงคือ มูลค่าของคลังข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ของธุรกิจ คลังข้อมูลช่วยให้เราเข้าใจธุรกิจ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจได้” Bond อธิบายว่า ผู้อำนวยการเขตการขายสามารถเข้ามาในคลังได้ทุกวันและค้นหา นี่เป็นยอดขายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของฉันแทนที่จะรอคอยรายงานที่มาจากการเงิน
คลังข้อมูลปัจจุบันอยู่ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ Oracle นอกจากนี้คลังใหม่ยังรวมสารสนเทศหลายๆประเภท รวมทั้งเพิ่มข้อมูลการบริการลูกค้าสำหรับการดำเนินงานในต่างประเทศ เช่น เรื่องยอดขาย การตลาด และข้อมูลการเงิน
คลังข้อมูลใหม่รวมกิจกรรมซอฟต์แวร์ประจำที่ทำหน้าที่บีบและแปลงข้อมูลจากฐานข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลงเชิงสัมพันธ์ Oracle เดิมของบริษัทและย้ายไปเป็นคลังข้อมูลใหม่ซึ่งเป็นฐานข้อมูลหลายมิติ จัดการโดยเครื่องแม่ข่าย Oracle Express ผู้ใช้จะใช้ Discover ซึ่งเป็นเครื่องมือสอบถามและจัดทำรายงาน เช่นเดียวกับเครื่องมืออื่นจากผลิตภัณฑ์ของ Oracle Express เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ
Cox เพิ่มเติมว่าเขาคาดหวังว่าผู้ใช้จะชอบเครื่องมือสำหรับออกรายงานใหม่นี้มากกว่าเครื่องมือเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่อนุญาตให้มองหาข้อมูลที่จัดระเบียบในหลายแนวทาง เช่น แผนภูมิพาย (Pie Chart) และกราฟแท่ง (Bar graph) จากเดิมที่แสดงในรูปตารางเท่านั้น
แน่นอนว่าการเปลี่ยนไปยังคลังข้อมูลสำเร็จรูปแบบบูรณาการและโปรแกรมประยุกต์จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด สิ่งท้าทายคือการทำให้ทุกคนพอใจสมความต้องการโดยเจ็บปวดน้อยที่สุดและยังคงสร้างสิ่งที่เราสามารถสนับสนุนได้ตามปกติ” Cox กล่าว

คำถามกรณีศึกษา4-2
      1. ผลประโยชน์ทางธุรกิจอะไรที่บริษัทคาดหวังจากการเปลี่ยนคลังข้อมูลและระบบธุรกิจปัจจุบันเป็นโปรแกรมประยุกต์ Oracle Suite
     ตอบ  ได้นำข้อมูลและระบบธุรกิจปัจจุบันเป็นโปรแกรมประยุกต์ Oracle Suite  ทำให้ในปี 1989 เราทำยอดขายได้ 2 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ปัจจุบันเราทำยอดขายถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ” Rodney Bond เจ้าหน้าที่หัวหน้าการเงินอธิบาย เรากำลังเฝ้าดูการเติบโตของการขยายใหญ่ซึ่งระบบนี้อาจจะวิกฤตได้
และในอนาคตคลังข้อมูลปัจจุบันอยู่ในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ Oracle นอกจากนี้คลังใหม่ยังรวมสารสนเทศหลายๆประเภท รวมทั้งเพิ่มข้อมูลการบริการลูกค้าสำหรับการดำเนินงานในต่างประเทศ เช่น เรื่องยอดขาย การตลาด และข้อมูลการเงิน
    2. บทเรียนทางธุรกิจอะไรที่ บริษัทเรียนรู้จากการใช้คลังข้อมูลปัจจุบัน
    ตอบ บทเรียนจากคลังข้อมูลปัจจุบันเพื่อเคลื่อนไปข้างหน้า” Steve Cox รองประธานและเจ้าหน้าที่หัวหน้าสารสนเทศของบริษัทกล่าว บทเรียนสำคัญที่ Cox กล่าวถึงคือ มูลค่าของคลังข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ของธุรกิจ คลังข้อมูลช่วยให้เราเข้าใจธุรกิจ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจได้” Bond อธิบายว่า ผู้อำนวยการเขตการขายสามารถเข้ามาในคลังได้ทุกวันและค้นหา นี่เป็นยอดขายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของฉันแทนที่จะรอคอยรายงานที่มาจากการเงิน
   3. ข้อได้เปรียบและเสียเปรียบที่มีต่อผู้ใช้ของธุรกิจในการย้ายไปใช้โปรแกรมประยุกต์ Oracle Suite
    ตอบ ผู้ใช้พอใจเครื่องมือใหม่มากกว่าเครื่องมือเดิมเนื่องจากให้ข้อมูลที่ดีกว่า
   ชื่อ นายจตุพล กลิ่นศรีสุข บกจ. 3/1

กรณีศึกษาจริงบทที่ 4

กรณีศึกษาจริงบทที่ 4
Sears, MCI และ First American: คลังข้อมูลกับสารสนเทศภายนอก
สำหรับคลังข้อมูลของหลายๆ บริษัทแล้วยากที่จะกล่าวกับผู้ใช้ว่าอะไรที่อยู่ภายในขอบเขตของเขา เช่น รายการเปลี่ยนแปลงภายใน (Internal Transactions) ประวัติการขาย (Sale Histories) หรือระเบียนลูกค้า (Customer Records) จำนวนมหาศาล ผู้จัดการหลายๆบริษัทกล่าวว่าบริษัทของเขาเชื่อมั่นอย่างมากในสารสนเทศภายนอก เช่น ประชากรศาสตร์ (Demographics) และการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ (Economic Forecasts)
Steve Beitler ผู้ช่วยผู้ตรวจการของ Sear, Roebuck & Company ในเมือง Hoffman Estates รัฐ Illinois ตอบคำถามเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลการเงินของตลาดการค้าปลีกจากแหล่งภายนอก ว่า ข้อมูลภายนอกเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา
Beitler กล่าวว่าระดับเฉลี่ยของรายได้และการบริโภคของประชากรสามารถนำมาใช้เพื่อพิจารณาเลือกสถานที่ตั้งร้านใหม่ ขณะที่ข้อมูลการตลาดทำให้บริษัทสามารถวัดผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจและคู่แข่งได้
ผู้จัดการคลังสินค้าอื่นๆ เห็นด้วยว่าข้อมูลภายนอกเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ในด้านการขายและการตลาด แต่เขากล่าวว่าสารสนเทศภายนอกไม่ได้มาด้วยราคาถูกๆ และต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้เข้ากันได้ (Compatibility) กับข้อมูลภายใน
MCI Communication Corporation ใช้รายชื่อของลูกค้าจากบริษัทเครื่องบินและหุ้นส่วนทางธุรกิจอื่นๆเพื่อตั้งเป้ารณรงค์ด้านการตลาดกับผู้บริโภคในเรื่องพฤติกรรมการซื้อหรือความสนใจ ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากถึง 30% ซึ่งมากกว่าการทำตลาดทางโทรศัพท์ (Telemarketing) หรือไปรษณีย์โดยตรง (Direct Mail)
เราต้องการข้อมูลเป็นอย่างมาก” Dave Johnson ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาระบบของหน่วยโทรศัพท์การตลาดของ MCI ใน Denver กล่าว โดยนำรายชื่อจากภายนอกมาผ่านกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าชื่อลูกค้า ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์นั้นถูกต้อง
นักวิเคราะห์การตลาดตรวจสอบรายชื่อภายนอก เพื่อให้แน่ใจว่ายังเป็นปัจจุบันและเป็นสารสนเทศที่ MCI ต้องการ รวมทั้งชื่อลูกค้ารายใหม่ด้วย เราจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อมูลและเราต้องแน่ใจว่าได้ของดีคุ้มกับเงินที่จ่ายไป” Johnson กล่าว
ต้นทุนของข้อมูลภายนอกค่อนข้างสูง เช่น หน่วยบริการสารสนเทศสุขภาพของ National Data Corporation ใน Phoenix คิดค่าใช้จ่ายกว่าล้านเหรียญสหรัฐสำหรับข้อมูลเภสัชกรรมที่ได้เก็บรวบรวมและขายให้กับหน่วยงานธุรกิจ
Mary Ann Beach รองประธานอาวุโสฝ่ายจัดการสารสนเทศการตลาด ของ First American Corporation ใน Nashville กล่าวว่า รายการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดข้อมูลมากมาย สารสนเทศลูกค้าของที่จัดเก็บมีทั้งภายในและภายนอกจำนวนเท่าๆกัน แต่ข้อมูลภายนอก เป็นความลับวิธีการที่ทำเงินให้เราในการรณรงค์ทางด้านการตลาด
คำถามกรณีศึกษา
      1. Sear ใช้ข้อมูลภายนอกในคลังข้อมูลเพื่อปรับปรุงธุรกิจได้อย่างไร
       ตอบ สำหรับคลังข้อมูลของหลายๆ บริษัทแล้วยากที่จะกล่าวกับผู้ใช้ว่าอะไรที่อยู่ภายในขอบเขตของเขา เช่น รายการเปลี่ยนแปลงภายใน (Internal Transactions) ประวัติการขาย (Sale Histories) หรือระเบียนลูกค้า (Customer Records) จำนวนมหาศาล ผู้จัดการหลายๆบริษัทกล่าวว่าบริษัทของเขาเชื่อมั่นอย่างมากในสารสนเทศภายนอก เช่น ประชากรศาสตร์ (Demographics) และการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ (Economic Forecasts)  ข้อมูลเปรียบเทียบด้านการตลาดได้ช่วย Sears ในเรื่องการเปรียบเทียบผลการดำเนินธุรกิจของร้านกับคู่แข่งขัน MCI และ First American ใช้ข้อมูลในกคลังเรื่องฟฤติกรรมการซื้อของลูกค้าของตนและลูกค้าของธุรกิจอื่น
2. มูลค่าทางธุรกิจ (Business Value) อะไรที่ MCI ได้รับจากคลังข้อมูลภายนอก
ตอบ นักวิเคราะห์การตลาดตรวจสอบรายชื่อภายนอก เพื่อให้แน่ใจว่ายังเป็นปัจจุบันและสารสนเทศที่  
MCI ต้องการ รวมทั่งชื่อลูกค้ารายใหม่ด้วย "เราจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อมูลและเราต้องแน่ใจว่าได้ของดีคุ้มกับเงินที่จ่ายไป"
      3. ท่านคิดอย่างไรที่ Mary Ann Beach หมายถึงเมื่อเธอกล่าวถึงข้อมูลภายนอกว่าเป็น ความลับวิธีการที่ทำเงินให้เราในการรณรงค์ทางด้านการตลาด
       ตอบ เห็นด้วย เพราะข้อมูลภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดข้อมูลใหม่ๆเกิดขึ้น